5 เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล เชื่อมต่อแอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพ

การติดตามสุขภาพผ่านการชั่งน้ำหนักเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดที่ทุกคนสามารถทำได้จากบ้านของตัวเอง ปัจจุบันเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลได้พัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เช่น การวัดองค์ประกอบร่างกาย การบันทึกข้อมูลส่วนตัว และการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพบนสมาร์ทโฟน ซึ่งทำให้คุณสามารถติดตามผลได้แบบเรียลไทม์ ในบทความนี้ Livewell จะแนะนำ 5 เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลที่รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและมาพร้อมฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

1. ALLWELL เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล วัดไขมัน และดัชนีมวลกาย รุ่น JPD-BFS200B

ราคา: ประมาณ 1,990 บาท

คุณสมบัติเด่น:

• วัดองค์ประกอบร่างกาย 14 ค่า: เครื่องชั่งรุ่นนี้สามารถวัดค่าได้ถึง 14 รายการ เช่น เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ปริมาณน้ำ กล้ามเนื้อ BMR BMI และอื่น ๆ เพื่อให้คุณได้ภาพรวมของสุขภาพร่างกายอย่างครบถ้วน
• เชื่อมต่อ Bluetooth กับแอปพลิเคชัน: สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อดูผล วิเคราะห์ และเก็บประวัติผ่านแอปพลิเคชัน ALLWELL Health ที่รองรับทั้งระบบ Android และ iOS
• วัสดุแข็งแรงและดีไซน์หรูหรา: ตัวเครื่องทำจากกระจกนิรภัยที่ปลอดภัยและไม่แตกง่าย พร้อมขอบโค้งมน ดีไซน์ทันสมัย แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 180 กิโลกรัม
• เทคโนโลยี BIA (Bio-impedance Analysis): ใช้เทคโนโลยี BIA ที่มีความแม่นยำสูงในการวัดองค์ประกอบร่างกาย
• หน้าจอแสดงผลแบบ Hidden LED: หน้าจอ LED ที่ซ่อนอยู่แสดงผลคมชัด มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่มืด

ข้อดี: รองรับผู้ใช้งานหลายคน เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล ALLWELL รุ่น JPD-BFS200B สามารถบันทึกข้อมูลผู้ใช้งานได้หลายคน เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการติดตามสุขภาพร่วมกัน โดยที่แต่ละคนสามารถมีข้อมูลที่แยกกันได้

2. เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Xiaomi Mi Body Composition Scale 2

ราคา: ประมาณ 890 บาท

คุณสมบัติเด่น:

• วัดองค์ประกอบร่างกาย 13 ค่า: เครื่องชั่งรุ่นนี้สามารถวัดค่าได้ถึง 13 รายการ เช่น น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย (BMI) เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ ปริมาณน้ำ และมวลกระดูก
• เชื่อมต่อแอป Mi Fit: สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อดูผล วิเคราะห์ และเก็บประวัติผ่านแอปพลิเคชัน Mi Fit ที่รองรับทั้งระบบ Android และ iOS
• ดีไซน์ทันสมัยและแข็งแรง: ตัวเครื่องทำจากกระจกนิรภัยที่ปลอดภัยและทนทาน พร้อมขอบโค้งมน ป้องกันการกระแทกโดยไม่ได้ตั้งใจ
• หน้าจอแสดงผลแบบ Hidden LED: หน้าจอ LED ที่ซ่อนอยู่แสดงผลคมชัด มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่มืด
• รองรับผู้ใช้หลายคน: สามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง 16 ผู้ใช้ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการติดตามสุขภาพร่วมกัน

ข้อดี: เครื่องชั่งน้ำหนัก Xiaomi Mi Body Composition Scale 2 มีระบบเซนเซอร์ความแม่นยำสูง เครื่องชั่งสามารถแสดงผลน้ำหนักและค่าต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เพียงแค่ยืนบนเครื่องก็สามารถเริ่มวัดได้ทันทีโดยไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ

3. เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Huawei Body Fat Scale 3

ราคา: ประมาณ 1,200 บาท

คุณสมบัติเด่น:

• วัดองค์ประกอบร่างกาย 11 ค่า: เครื่องชั่งรุ่นนี้สามารถวัดค่าได้ถึง 11 รายการ เช่น น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย (BMI) เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ ปริมาณน้ำในร่างกาย มวลกระดูก และอื่น ๆ เพื่อให้คุณได้ภาพรวมของสุขภาพร่างกายอย่างครบถ้วน
• เทคโนโลยี HUAWEI TruFit™: พัฒนาร่วมกับสถาบัน Hefei Institutes of Physical Science สถาบันวิทยาศาสตร์ของประเทศจีน ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายที่แม่นยำ
• เชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth: สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อดูผล วิเคราะห์ และเก็บประวัติผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ที่รองรับทั้งระบบ Android และ iOS
• ดีไซน์ทันสมัยและแข็งแรง: ตัวเครื่องทำจากกระจกนิรภัยที่ปลอดภัยและทนทาน พร้อมขอบโค้งมน ดีไซน์ทันสมัย แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 150 กิโลกรัม
• หน้าจอแสดงผล LED: หน้าจอ LED แสดงผลคมชัด มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่มืด

ข้อดี: แอป HUAWEI Health ของเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Huawei Body Fat Scale 3 ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันหลากหลาย เช่น การติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์ การแสดงกราฟแนวโน้มสุขภาพ และการตั้งเป้าหมายสุขภาพ ซึ่งทำให้การดูแลสุขภาพของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

4. เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Fitbit Aria Air

ราคา: ประมาณ 2,300 บาท

คุณสมบัติเด่น:

• การวัดน้ำหนักและดัชนีมวลกาย (BMI): Aria Air สามารถวัดน้ำหนักของคุณและคำนวณค่า BMI โดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อกับแอป Fitbit
• การเชื่อมต่อ Bluetooth: เครื่องชั่งนี้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ทำให้ข้อมูลน้ำหนักของคุณถูกส่งไปยังแอป Fitbit ได้ทันที
• รองรับผู้ใช้หลายคน: Aria Air สามารถรองรับผู้ใช้หลายคน โดยแต่ละคนสามารถซิงค์ข้อมูลของตนเองกับแอป Fitbit ได้อย่างอิสระ
• ดีไซน์ทันสมัยและทนทาน: ตัวเครื่องทำจากวัสดุคุณภาพสูง มีดีไซน์เรียบหรูและทันสมัย เหมาะกับการใช้งานในบ้านทุกสไตล์

ข้อดี: เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Fitbit Aria Air เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน Fitbit อยู่แล้ว เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ทำให้ติดตามสุขภาพแบบครบวงจรได้สะดวก

5. เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Tanita RD-953

ราคา: ประมาณ 8,900 บาท

คุณสมบัติเด่น:

• เทคโนโลยี Dual Frequency BIA: ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ความต้านทานทางชีวภาพแบบสองความถี่ (Dual Frequency Bioelectrical Impedance Analysis) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวัดองค์ประกอบร่างกาย
• วัดองค์ประกอบร่างกาย 11 ค่า: สามารถวัดค่าได้ถึง 11 รายการ เช่น น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย (BMI) เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ คุณภาพของกล้ามเนื้อ มวลกระดูก ปริมาณน้ำในร่างกาย และอื่น ๆ
• เชื่อมต่อ Bluetooth: สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อดูผล วิเคราะห์ และเก็บประวัติผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับทั้งระบบ Android และ iOS
• ดีไซน์ทันสมัยและแข็งแรง: ตัวเครื่องทำจากกระจกนิรภัยที่ปลอดภัยและทนทาน พร้อมขอบโค้งมน ดีไซน์ทันสมัย แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 200 กิโลกรัม
• หน้าจอแสดงผล LED สี: หน้าจอ LED สีที่แสดงผลคมชัด มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่มืด เพิ่มความสวยงามและทันสมัยให้กับการใช้งาน

ข้อดี: เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Tanita เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในเรื่องเครื่องชั่งน้ำหนักที่ใช้ในโรงพยาบาลและฟิตเนส ให้ความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพในระดับลึก

เปรียบเทียบฟีเจอร์และราคา

การเลือกเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชันได้ช่วยให้การติดตามสุขภาพเป็นเรื่องง่ายขึ้น หากคุณต้องการติดตามสุขภาพพื้นฐาน Xiaomi Mi Body Composition Scale 2 หรือ ALLWELL JPD-BFS200B อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า สำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานแอปพลิเคชัน Fitbit Aria Air และ Huawei Body Fat Scale 3 ก็ตอบโจทย์ได้ดี หรือหากคุณต้องการเครื่องชั่งที่มีความแม่นยำสูงและสามารถวัดองค์ประกอบร่างกายละเอียด ALLWELL JPD-BFS200B หรือ Tanita RD-953 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

การติดตามสุขภาพผ่านเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลที่เชื่อมต่อแอปจะช่วยให้คุณวางแผนการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการการดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัล