ไมโครไบโอม คือ กุญแจสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์อายุยืนยาวที่หลายคนตามหา เป็นตัวช่วยที่มาแรงมากในแวดวงการดูแลสุขภาพ มีงานวิจัยหลายชิ้นรองรับและมีการศึกษาต่อเนื่องมานานหลายปี เกี่ยวกับประสิทธิภาพที่มีต่อการเสริมระบบภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย โดยเฉพาะไมโครไบโอมในลําไส้ใหญ่ แล้วไมโครไบโอมเป็นยังไง? ทำให้อายุยืนได้อย่างไร? ดีต่อร่างกายยังไง? Livewell จะพาไปไขข้อข้องใจให้ครบทุกประเด็น
ไมโครไบโอม คือ ผู้ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลำไส้ใหญ่ ทำให้อายุยืนได้จริงเหรอ?
ไมโครไบโอม คือ ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ลำไส้ใหญ่ มีผลต่อการทำให้อายุยืนได้จริงไหม? อ้างอิงจากผลการวิจัยศึกษากลุ่มคนที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป จำนวน 176 ราย ในญี่ปุ่น จากศูนย์วิจัยโปรตีนมูลนิธิโนโว นอร์ดิสก์ มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่ถูกตีพิมพ์ลงบนวารสาร Nature (31 พฤษภาคม 2023) พบว่ากลุ่มตัวอย่างทั้ง 176 คน (อายุเกิน 100 ปี) มีลักษณะสำคัญร่วมกัน ที่ชี้ให้เห็นว่าไมโครไบโอมในลําไส้ใหญ่ เป็นกุญแจสำคัญในการมีอายุยืนยาว โดยทีมวิจัยคาดว่าไมโครไบโอมหน้าที่พัฒนาและความควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและมีอิทธิพลต่อระบบต้านทานต่อการติดเชื้อ ส่งผลให้คนที่มีระบบนิเวศของจุลินทรีย์ในลำไส้ที่แข็งแรง มีสุขภาพและอายุที่ยืนยาวกว่าคนที่มีระบบนิเวศของจุลินทรีย์ในลำไส้ที่อ่อนแอ
ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าไมโครไมโอมมีผลต่อการทำให้อายุยืนยาวจริง เพียงแต่ต้องมีความสมดุลและแข็งแรง เพราะกรณีที่เสียสมดุลอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น เบาหวาน, ลำไส้แปรปรวน, นอนไม่หลับและสมาธิสั้น ฯลฯ
ไมโครไบโอม คืออะไร? ดีต่อร่างกายเรื่องอะไรบ้าง?
ไมโครไบโอมหรือ Microbiome คือ ระบบนิเวศหรือชุมชนของจุลินทรีย์ทั้งหมด ที่อาศัยอยู่ในและบนร่างกายของสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ โดยจะประกอบไปด้วยแบคทีเรีย, ไวรัส, เชื้อราและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ที่อาศัยอยู่ร่วมกับร่างกายของเราโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายและบางชนิดอาจมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน เช่น ช่วยในการย่อยอาหาร, เป็นแหล่งพลังงานให้ร่างกาย, ดูดซึมสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และช่วยสังเคราะห์วิตามินเค เป็นต้น
วิธีดูแลไมโครไบโอมในลําไส้ใหญ่ให้สมดุล?
ไมโครไบโอม สามารถพบเห็นได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย เช่น ไมโครไบโอมในช่องปาก, บนผิวหนัง, ในระบบทางเดินอาหารและระบบสืบพันธุ์รวมถึงไมโครไบโอมลําไส้ใหญ่ ที่ถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของไมโครไบโอมที่มีความหลากหลายและมีความสำคัญมากที่สุด
ซึ่งมีจุลินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์ (1,000 สายพันธุ์) และมีจำนวนเซลล์รวมกันมากถึง 100 ล้านล้านเซลล์ นอกจากนี้นักวิจัยพบว่าหากมีไมโครไบโอมไม่สมดุล อาจส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพหลายอย่างตามมา แต่ทั้งนี้จะยืดหยุ่นไปตามปัจจัยที่มีผลต่อความสมดุลที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น ยา, อาหารและสภาพแวดล้อม ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลลำไส้ใหญ่ให้มีสุขภาพดี จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้
1. ดื่มน้ำสะอาดและทานอาหารที่ส่งผลดีต่อจุลินทรีย์ในลำไส้
น้ำสะอาดและอาหารที่ทาน จะมีผลโดยตรงต่อชนิดและปริมาณของจุลินทรีย์ในลำไส้ที่เพิ่มมากขึ้น อาหารเพิ่มจุลินทรีย์ในลําไส้ เช่น นมเปรี้ยว, อาหารหมักดองและโยเกิร์ต ฯลฯ
2. รักษาระดับอารมณ์และลดความเครียด
ควรมองหากิจกรรมเพิ่มความผ่อนคลายหรือเลือกทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดความเครียด เพราะหากร่างกายเครียดเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารและองค์ประกอบของไมโครไบโอมมีความหลากหลายน้อยลง
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความหลากหลายของไมโครไบโอมในลําไส้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เข้านอนเป็นเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ไมโครไบโอมเกิดความสมดุล ป้องกันไม่ให้ปริมาณแบคทีเรียดีถูกแทนที่ด้วยแบคทีเรียตัวร้าย จนกลายเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ
5. เลี่ยงสารเสพติดและแอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด สามารถเปรียบได้กับการทานอาหารที่มีผลต่อปริมาณความหลากหลายและชนิดของไมโครไบโอมโดยตรง แต่พฤติกรรมดังกล่าวให้ผลตรงกันข้าม เพราะแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดจะเข้าไปทำลายความสมดุลของไมโครไบโอม เมื่อจุลินทรีย์มีความหลากหลายน้อยลง ก็ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกายตามมา
เหตุผลที่ลำไส้ส่งผลต่อความยืนยาวของชีวิต?
เนื่องจากความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและภาวะการอักเสบของเซลล์ หากมีความสมดุลและแข็งแรงดี ไม่มีภาวะอักเสบ ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงและระบบต่างๆ สามารถทำงานได้ตามปกติ อายุของเราก็จะยืนยาวและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ กลับกันหากร่างกายไม่แข็งแรง จุลินทรีย์ไม่สมดุล เกิดภาวะอักเสบ ความแก่ชราก็จะมาอย่างรวดเร็วและปัญหาสุขภาพก็จะตามมาไม่ขาดสาย
ไมโครไบโอม คือ ผู้ช่วยดูแลสุขภาพในด้านใดบ้าง?
หากไมโครไบโอมภายในลำไส้เกิดความสมดุล จะมีส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพ ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยมืออาชีพ ครอบคลุมหลายด้าน ดังนี้
1. ดูแลเรื่อง การย่อยและการดูดซึมของร่างกาย
- ช่วยย่อยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยเองได้ เช่น เส้นใยอาหาร เป็นต้น
- ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียมและธาตุเหล็ก เป็นต้น
- ผลิตวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบีและวิตามินเค เป็นต้น
2. ดูแลเรื่อง กำจัดสารพิษและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
- กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
- ช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันตั้งแต่แรกเกิด
- ช่วยในการแยกแยะระหว่างเชื้อก่อโรคและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
- ช่วยในการเปลี่ยนแปลงและกำจัดสารพิษบางชนิดที่เข้าสู่ร่างกาย
3. ดูแลเรื่อง ป้องกันเชื้อโรค, โรคเรื้อรังและต้านอักเสบ
- อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ, หลอดเลือดและโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคลำไส้อักเสบ, โรคภูมิแพ้และโรคแพ้ภูมิตัวเอง
- ผลิตสารต้านการอักเสบ
- ช่วยรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการอักเสบที่ไม่จำเป็น
- ผลิตสารต้านจุลินทรีย์ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค
4. ดูแลเรื่อง ควบคุมฮอร์โมน, จิตใจและระบบประสาทให้เป็นปกติ
- ผลิตและควบคุมฮอร์โมนบางชนิด
- มีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่มีความเกี่ยวข้องกับความหิวและความอิ่ม
- มีการสื่อสารระหว่างไมโครในลำไส้และสมองผ่านแกนลำไส้สมอง
- อาจส่งผลต่ออารมณ์พฤติกรรมและการทำงานของสมอง
5. ดูแลเรื่อง คุมน้ำหนักและดูแลสุขภาพร่างกาย
- มีส่วนช่วยในการควบคุมการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย
- ส่งผลต่อการสะสมไขมันและการควบคุมน้ำหนัก
- ผลิตกรดไขมันสายสั้น
เมื่อทราบกันไปแล้วว่าไมโครไบโอม คืออะไร? มาลองดูโปรแกรม Gut Microbiome ตรวจสมดุลย์จุลินทรีย์ในลำไส้ กับ Livewell กันได้ เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกันจากภายในและกระตุ้นการทำงานของระบบต้านทานต่อการติดเชื้อ เมื่อชุมชนจุลินทรีย์แข็งแรง การมีอายุยืนยาวก็ไม่ไกลเกินเอื้อม เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเลย!