ไมโครไบโอมประโยชน์ที่ไม่คาดคิด ไม่เพียงแค่ถูกใช้เป็นทางเลือกช่วยให้มีอายุยืนยาว แต่ยังถือเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพและการรักษาโรคร้ายที่หลายคนตามหา แล้วไมโครไบโอช่วยให้สุขภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร? การปลูกถ่ายไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารคืออะไร? มีวิธีแบบไหนบ้าง? นวัตกรรมไมโครไบโอมส่งผลดีต่อใคร? จะพาไปไขข้อข้องใจให้ครบทุกประเด็น ก่อนเข้าร่วมโปรแกรมตรวจสมดุลจุลินทรีย์ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างไร้กังวล!
ไมโครไบโอมประโยชน์ดีๆ ต่อลำไส้ ช่วยให้สุขภาพสมดุลได้อย่างไร?
ข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า การมีไมโครไบโอมที่มีจำนวนจุลินทรีย์ดีหลากหลายและมีจำนวนมากพอในลำไส้ จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยย่อยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยเองได้ง่าย กระตุ้นการเผาผลาญ, ช่วยในการสร้างและการสังเคราะห์วิตามินรวมถึงช่วยปรับสมดุลร่างกายสมองไปจนถึงช่วยปรับระดับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้
กลับกันหากจุลินทรีย์ดีที่มีอยู่เกิดเสียสมดุล มีจุลินทรีย์ไม่ดีมากเกินไป ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพ เช่น มีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกันบางส่วน, ลำไส้แปรปรวนหรืออาจทำให้มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ง่ายขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ความสมดุลของจุลินทรีย์ทั้งดีและไม่ดีภายในลำไส้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น อาหาร, ยา, ความเครียด, การออกกำลังกาย, อายุและพันธุกรรม เป็นต้น
Microbiome คือ ชุมชนจุลินทรีย์ที่สามารถพบเห็นได้ทั้งในและบนร่างกายส่วนต่างๆ เช่น ไมโครไบโอมในช่องปาก, ผิวหนังและเยื่อเมือก แต่บริเวณที่สามารถพบได้มากที่สุด คือ ไมโครไบโอมในลําไส้ใหญ่ ซึ่งถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของไมโครไบโอมที่มีทั้งความหลากหลายและความสำคัญมากที่สุดในร่างกาย โดยพบว่ามีจำนวนจุลินทรีย์ทั้งดีและไม่ดีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จึงกล่าวได้ว่าความสมดุลของไมโครไบโอมมีผลต่อระบบในร่างกายโดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกัน, ระบบต่อต้านการติดเชื้อ, ระบบทางเดินอาหารและระบบเผาผลาญ มากกว่าไมโครไบโอมส่วนอื่นๆ
การปลูกถ่ายไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร คืออะไร? มีวิธีแบบไหนบ้าง?
การปลูกถ่ายไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร (Fecal Microbiota Transplantation หรือ FMT) คือ การนำอุจจาระของคนที่มีสุขภาพดี มาใส่เข้าไปในระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย เพื่อหวังผลในการฟื้นฟูความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ให้กลับมาสมบูรณ์รวมถึงถูกนำมาใช้ในการรักษาการติดเชื้อที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่ามีประสิทธิภาพและมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 80-90% โดยวิธีการทำ FMT มีด้วยกันหลายรูปแบบ ได้แก่
1. ปลูกถ่ายผ่านท่อสวนผ่านจมูกลงสู่ลำไส้โดยตรง
เป็นวิธีการปลูกถ่ายโดยใช้การใส่ท่อสายยางสอดผ่านระหว่างรูจมูกลงไปยังลำไส้ เพื่อส่งไมโครไบโอมลงสู่ลำไส้โดยตรง
2. หัตถการส่องกล้องส่งไมโครไบโอมเข้าสู่ลำไส้
เป็นหัตถการการส่องกล้องเพื่อตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ ก่อนจะนำมาวิเคราะห์ความสมดุล ความหลากหลายและวางแผนปรับสมดุลอย่างเหมาะสม
3. ปลูกถ่ายด้วยการรับประทานแคปซูลที่เต็มไปด้วยไมโครไบโอม
เป็นการปลูกถ่ายที่มีความสะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่รับประทานแคปซูลที่เต็มไปด้วยไมโครไบโอม เพื่อส่งตรงไมโครไบโอมลงสู่ระบบทางเดินอาหาร
4. ปลูกถ่ายผ่านท่อสวนทางทวารหนัก
เป็นการใส่ไมโครไบโอมเข้าไปในลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ด้วยวิธีเดียวกันกับการสวนอุจจาระ เพื่อปรับสมดุลไมโครไบโอมภายในลำไส้
นวัตกรรมไมโครไบโอมประโยชน์จากจุลินทรีย์ตัวจิ๋ว ส่งผลดีต่อใครบ้าง?
ไมโครไบโอมประโยชน์จากจุลินทรีย์ตัวจิ๋ว ถือเป็นมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพและการรักษาโรค ที่มีความสำคัญต่อร่างกายหลายด้าน จึงมีผลดีต่อคนหลายกลุ่ม ได้แก่
1. คนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
เมื่อเกิดความไม่สมดุลระหว่างจุลินทรีย์ดีและไม่ดีในลำไส้ การสร้างวิตามินและสารสื่อประสาท เช่น โดปามีน, เซโรโทนินและกาบา จะมีปริมาณลดลง จนส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ การสร้างสมดุลด้วยไมโครไบโอมที่แข็งแรง จึงมีผลต่อการแก้ไขปัญหาการนอนหลับยากหรือนอนไม่หลับได้
2. คนที่มีปัญหาโรคอ้วนและระบบเผาผลาญ
การสร้างสมดุลด้วยไมโครไบโอมร่วมกับการปรับการทานอาหารอย่างเหมาะสม มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและร่างกายผลิตเอนไซม์ ที่ใช้ในการย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนน้อยลง เพราะระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น
3. คนที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้และปัญหาเรื่องสิว
เมื่อจุลินทรีย์ขาดความสมดุล ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เราจึงต้องปรับสมดุลเพื่อกระตุ้นและฝึกให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงควบคุมปริมาณจุลินทรีย์ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
4. คนที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน
ลำไส้แปรปรวนมีสาเหตุมาจากการอักเสบที่เกิดจากการเสียสมดุลของจุลินทรีย์และการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรค จำเป็นต้องได้รับการปรับสมดุล เพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นกระบวนการอักเสบ
5. คนที่มีปัญหาเรื่องหอบ หืด
จากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าจุลินทรีย์ทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในร่างกาย อาจมีการแทรกซ้อนเข้าไปในจีโนมหรือ DNA ของมนุษย์ จนเกิดการกลายพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์กับโรคที่มีความร้ายแรงบางชนิด หนึ่งในนั้นคือ โรคหอบ หืด แต่อยู่ในภาวะที่สามารถตรวจและรักษาได้ หากสามารถสร้างสมดุลของจุลินทรีย์และภูมิคุ้มกันที่ดีพอ
6. คนที่มีภาวะเบาหวาน
ภาวะเบาหวานหรือโรคเบาหวาน จัดเป็นหนึ่งในรูปที่มีความสัมพันธ์กับ DNA ที่กลายพันธุ์ จากการแทรกซ้อนของ DNA จุลินทรีย์ การรักษาที่ได้ผลจึงต้องอาศัยการสร้างความสมดุลของจุลินทรีย์และภูมิคุ้มกัน เช่นเดียวกันกับโรคหอบ หืด
7. คนที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้
มีงานวิจัยพบว่าหากจุลินทรีย์ในลำไส้เกิดความไม่สมดุล จะส่งผลให้การสังเคราะห์กรดไขมันสายสั้นเป็นกรดไขมันที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคหัวใจและหลอดเลือดไม่สมบูรณ์ จนนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายข้างต้นสูงขึ้น หากนำนวัตกรรมไมโครไบโอมมาใช้ปรับสมดุล กระตุ้นการสังเคราะห์กรดไขมันสายสั้นให้มีปริมาณเพียงพอ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคก็จะน้อยลง
เมื่อได้รู้กันแล้วว่าไมโครไบโอมประโยชน์ที่ไม่คาดคิดมีมากแค่ไหน หากมีปัญหาสุขภาพสามารถเข้ามาร่วมโปรแกรมตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ได้ เพื่อเริ่มต้นสุขภาพดีได้ง่ายๆ ด้วยการมีจุลินทรีย์ที่สมดุล จะได้รับมือกับโรคร้ายที่ต้นตอได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมีอายุยืนยาวอย่างที่ต้องการ!